อาการปวดเข่าที่พบได้บ่อย มีดังนี้

อาการปวดเข่า

อาการปวดเข่าพบได้ในคนทุกเพศทุกวัย แต่มักมีกลุ่มเสี่ยงเป็นผู้สูงอายุ ผู้ที่มีน้ำหนักเกิน และนักกีฬาที่ต้องใช้กำลังขาและเข่ามาก อาการปวดเข่าเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ วิธีการรักษาจะขึ้นอยู่กับสาเหตุของอาการปวด ซึ่งเราสามารถแยกอาการปวดเข่าได้ ดังนี้

1.อาการปวดเข่าที่มีอาการปวดหลังร่วมด้วย

อาการปวดเข่าที่มีอาการปวดหลังร่วมด้วย มักเกิดจาก หมอนรองกระดูกสันหลังทับเส้นประสาท โดยจะมีอาการปวดหลังร้าวลงเข่า ซึ่งเกิดจากการดึงรั้งของกล้ามเนื้อตั้งแต่หลังจนถึงเข่า ทำให้กล้ามเนื้อแข็ง เกร็งและตึง จนเกิดเป็นอาการปวดเข่าได้
 
2.อาการปวดเข่าจากการเล่นกีฬา / การออกกำลังกาย

การออกกำลังกาย และ การเล่นกีฬาต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น การวิ่ง เตะฟุตบอล เล่นแบตมินตัน หรือ บาสเก็ตบอล อาจส่งผลให้เกิดการบาดเจ็บของกล้ามเนื้อและเส้นเอ็นรอบข้อเข่า ทำให้เกิดอาการปวดเข่าได้ โดยอาการที่พบได้บ่อยคือ

เอ็นไขว้หน้าเข่าฉีกขาด มักพบใน นักกีฬาฟุตบอล การออกกำลังกายหรือการเล่นกีฬาที่มีการบิดหมุนของหัวเข่าที่รุนแรง เนื่องจากเอ็นไขว้หน้า (Anterior Cruciate Ligament – ACL) เป็นหนึ่งในเอ็นหลักของเข่า มีหน้าที่ช่วยรักษาความมั่นคง และ ควบคุมการเคลื่อนไหวของหัวเข่า ดังนั้น เมื่อเอ็นไขว้หน้าเข่าเกิดการบาดเจ็บฉีกขาด จึงส่งผลต่อการเคลื่อนไหวและความแข็งแรงของเข่า ซึ่งขณะบาดเจ็บจะได้ยินเสียงลั่นในข้อเข่า หัวเข่าใช้งานไม่ได้ มีอาการปวด บวม อักเสบบริเวณเข่า แต่อาการอักเสบนั้นจะค่อยๆ ดีขึ้น โดยทั่วไปประมาณ 1-2 สัปดาห์ หลังจากนั้นผู้ป่วยส่วนใหญ่จะสามารถเดินได้ด้วยตนเอง แต่มักจะเดินลงน้ำหนักไม่ได้ หรือได้ไม่เต็มที่ และมีอาการปวดเมื่อหัวเข่าต้องบิดหมุน เช่น เดินเร็ว ขึ้น/ลงบันได วิ่ง เล่นกีฬา เป็นต้น และที่สำคัญผู้ที่มีภาวะเอ็นไขว้หน้าเข่าขาด เป็นปัจจัยเสี่ยงให้เกิดการบาดเจ็บต่อหมอนรองเข่าและกระดูกอ่อนหัวเข่า ซึ่งจะทำให้เกิดภาวะข้อเข่าเสื่อมก่อนวัยอันสมควรได้หากไม่ได้รับการรักษา

ITBS หรือ Iliotibial band syndrome เป็นการบาดเจ็บที่พบได้บ่อยมากใน นักวิ่ง นักปั่นจักรยาน หรือ นักเดินทางไกล สาเหตุเกิดจากการใช้กล้ามเนื้อ Iliotibial band (คือกล้ามเนื้อพิเศษที่ยาวตั้งแต่บริเวณเอว-เข่า) มากเกินไป ทำให้เอ็นเสียดสีกับกระดูกเข่าด้านนอก จนเกิดการอักเสบ และเกิดการเกร็งตัวของมัดกล้ามเนื้อ เส้นเอ็น จึงทำให้เกิดอาการปวดตามมา โดยอาการปวดของ ITBS มักจะปวดที่บริเวณหัวเข่าด้านนอก ขณะออกกำลังกาย โดยเฉพาะขณะวิ่ง และอาการเป็นหนักมากขึ้นถ้ายังออกกำลังกายต่อไป อาจพบอาการบวมร่วมด้วย และอาจมีอาการปวดร้าวขึ้นไปถึงต้นขาและสะโพกได้

หมอนรองข้อเข่าฉีกขาด (Miniscus tear) อาจเกิดจากจังหวะการบิดหมุนที่ผิดท่า ส่งผลให้เกิดอาการบาดเจ็บบริเวณหัวเข่า โดยส่วนใหญ่มักมีสาเหตุมาจากการเล่นกีฬาที่ต้องอาศัยความเร็วมีการชน และการกระแทกกัน เช่น ฟุตบอล บาสเกตบอล เป็นต้น  โดยปกติหมอนรองข้อเข่ามีหน้าที่รับแรงกระแทกของร่างกายขณะยืน เดิน วิ่ง หรือทำกิจกรรมที่มีการใช้น้ำหนักกดลงบนข้อเข่า เมื่อเกิดหมอนรองข้อเข่าฉีกขาด ผู้ป่วยจะมีอาการปวดและบวมบริเวณเข่า ข้อเข่าฝืด รู้สึกติดขัดเวลาเคลื่อนไหว เหยียดหรืองอข้อเข่าได้ไม่สุด ข้อเข่ามักติดอยู่ในท่าใดท่าหนึ่ง (True locking) แต่เมื่อขยับไปมาจะสามารถขยับได้เต็มช่วงการเคลื่อนไหว ซึ่งหากไม่ได้รับการรักษาและยังฝืนใช้งานเข่าซ้ำๆ แรงกระแทกและการเสียดสีกันของกระดูกภายในข้อเข่าจะทำให้ข้อเข่าเสื่อมสภาพเร็วขึ้น หรือพัฒนาไปเป็นข้อเข่าเสื่อมได้
 
3.อาการปวดเข่าบริเวณข้อพับขา ข้อพับเข่า

อาการ ปวดบริเวณข้อพับขา ปวดใต้ข้อพับเข่า งอขาไม่ได้ พับเข่าได้ไม่สุด ไม่สามารถนั่งคุกเข่าหรือพับเพียบได้ เกิดจากกล้ามเนื้อและเส้นเอ็นที่ทำหน้าที่ในการงอขาเกิดการแข็งเกร็ง ตึงตัว ทำให้ความยืดหยุ่นลดน้อยลง โดยสาเหตุอาจมาจากการอยู่ในอิริยาบถเดิมเป็นเวลานาน เช่น การนั่งพับเพียบ (ไหว้พระ) เป็นเวลานาน การเดิน การยืน เป็นเวลานาน เป็นต้น หรืออาจเกิดจากการหดตัวของกล้ามเนื้อ hamstring (ซึ่งทำหน้าที่งอเข่า) อย่างฉับพลัน เช่น การวิ่งเร็ว การวิ่งเร็วสลับกับหยุดวิ่งแบบฉับพลันทันทีอย่างต่อเนื่อง การออกกำลังกายโดยไม่ได้ยืดกล้ามเนื้อก่อน ซึ่งสาเหตุเหล่านี้ล้วนส่งผลให้เกิดอาการปวดเข่าบริเวณข้อพับขาได้ทั้งสิ้น โดยผู้ป่วยส่วนใหญ่มาด้วยอาการเจ็บข้อพับเข่าด้านใน ปวดใต้ข้อพับเข่า ปวดบริเวณข้อพับขา ปวดมากขึ้นเมื่องอเข่า ในระยะแรกๆ อาจมีอาการบวมบริเวณใกล้ข้อพับเข่าอย่างเห็นได้ชัด ในรายที่อักเสบรุนแรง อาจเดินลำบาก และจะปวดทุกครั้งที่ก้าวขาลงนํ้าหนัก
 
4.อาการปวดเข่าจากอุบัติเหตุ

อาการปวดเข่าจากอุบัติเหตุ เกิดจากแรงกระแทกที่กระทำต่อเข่า ทำให้กล้ามเนื้อและเส้นเอ็นรอบๆ เข่าเกิดการบาดเจ็บ และเกิดการอักเสบขึ้น ผู้ป่วยจะมีอาการปวดและบวมทันทีภายหลังจากมีอุบัติเหตุ อาจพบรอยช้ำบริเวณที่ถูกกระแทกได้ ซึ่งอาการปวดจะเป็นเฉพาะบริเวณที่บาดเจ็บโดยตรง เช่น ปวดในหัวเข่า ปวดหัวเข่าด้านหน้า ปวดหัวเข่าด้านใดด้านหนึ่ง เป็นต้น
 
5.อาการปวดเข่าจากเข่าเสื่อม

ข้อเข่าประกอบด้วย กระดูก 3 ชิ้น ได้แก่ กระดูกต้นขา กระดูกหน้าแข้ง และกระดูกสะบ้า ยึดติดกัน ด้วยเส้นเอ็นและกล้ามเนื้อ ซึ่งนับว่าเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้ข้อเข่าแข็งแรง และระหว่างกระดูกทั้งสามมีกระดูกอ่อนซึ่งทำหน้าที่ผลิตน้ำไขข้อหล่อเลี้ยง ช่วยลดการเสียดสีระหว่างข้อเข่าและลดแรงกระแทกภายในข้อเข่า
 
โดยการเกิดข้อเข่าเสื่อม เกิดจากกล้ามเนื้อบริเวณเข่ามีการหดเกร็ง อาจมาจากสาเหตุต่างๆ เช่น อุบัติเหตุ หรือแรงที่กระทำต่อข้อเข่า ไม่ว่าจะเป็น น้ำหนักตัวที่มาก การหกล้มเข่ากระแทกพื้น และ การใช้งานข้อเข่ามากเกินไป หรืออาการข้างต้นที่กล่าวมาทั้งหมดที่ไม่ได้รับการรักษา ล้วนทำให้เข่าเกิดการบาดเจ็บ ร่างกายจึงพยายามซ่อมแซมเนื้อเยื่อส่วนที่บาดเจ็บ (Healing) โดยหลังการกระบวนการซ่อมแซมจะเกิดชั้นพังผืดขึ้น ซึ่งพังผืดนี้ทำให้เกิดการดึงรั้งของเส้นเอ็นและกล้ามเนื้อบริเวณเข่า ทำให้ช่องว่างระหว่างกระดูกแคบลง กระดูกอ่อนเสียหาย และน้ำไขข้อลดลง จึงทำให้กระดูกเข่าเกิดการเสียดสีกัน นานเข้าจึงเกิด การเสื่อมของข้อเข่า ส่งผลให้มีอาการ ปวดเข่า เจ็บเข่า อาจจะปวดเวลาขึ้น-ลงทางชันหรือบันได ปวดเข่าเวลานั่งยอง นั่งสมาธิ นั่งพับเพียบ ข้อเข่าฝืดหรือติดขัด ได้ยินเสียงดังในเข่า เข่าบวม รู้สึกขาไม่มีกำลังหรือเข่าอ่อน

ทำไมการรักษาของเรา จึงช่วยคุณได้

การรักษาของเรา ไม่ใช่การรักษาที่มุ่งไปแค่ การจัดกระดูก หรือ การนวดผ่อนคลายกล้ามเนื้อ เพียงอย่างใดอย่างหนึ่งเท่านั้น แต่เราเน้นการรักษาที่ สามารถแก้ปัญหาได้อย่างครอบคลุมทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นปัญหาในชั้นกล้ามเนื้อ, หมอนรองกระดูก, ข้อต่อ,  พังผืด, เส้นลม, เส้นเอ็น รวมถึง เส้นประสาท บริเวณเข่าทั้งหมด  ซึ่งจะเป็นการแก้ไขอาการที่เกิดขึ้นได้อย่างตรงจุดที่สุด และทำให้เห็นผลได้อย่างชัดเจนและถาวร

การรักษาของเราประกอบไปด้วยขั้นตอนสำคัญ 3 ขั้นตอน ดังนี้

การนวดแผนไทยประยุกต์

เป็นการนวดโดยการใช้ข้อศอกนวดลงบริเวณที่มีการเกร็งตัวของกล้ามเนื้อ เพื่อทำให้กล้ามเนื้อชั้นบนและกล้ามเนื้อชั้นลึก (Deep tissue) คลายตัวจากอาการตึงเครียดและอาการหดเกร็ง

โดยเราสามารถนำเทคนิคการนวดนี้มาใช้นวดคลายกล้ามเนื้อต้นขา หรือกล้ามเนื้อน่อง สามารถช่วยรักษาอาการปวดเข่าที่มีการหดเกร็งของกล้ามเนื้อขาได้ เช่น ITBS อาการปวดหลังดึงรั้งลงเข่า  ปวดบริเวณข้อพับขาจากกล้ามเนื้อ Hamsting หดเกร็ง เป็นต้น

การนวดแผนไทยประยุกต์

เป็นการนวดโดยการใช้ข้อศอกนวดลงบริเวณที่มีการเกร็งตัวของกล้ามเนื้อ เพื่อทำให้กล้ามเนื้อชั้นบนและกล้ามเนื้อชั้นลึก (Deep tissue) คลายตัวจากอาการตึงเครียดและอาการหดเกร็ง

โดยเราสามารถนำเทคนิคการนวดนี้มาใช้นวดคลายกล้ามเนื้อต้นขา หรือกล้ามเนื้อน่อง สามารถช่วยรักษาอาการปวดเข่าที่มีการหดเกร็งของกล้ามเนื้อขาได้ เช่น ITBS อาการปวดหลังดึงรั้งลงเข่า  ปวดบริเวณข้อพับขาจากกล้ามเนื้อ Hamsting หดเกร็ง เป็นต้น

การนวดแกะเส้น

เป็นการใช้นิ้วมือขยับไปตามมัดกล้ามเนื้อที่เกร็งตัวให้คลายตัวและกลับเข้าสู่ตำแหน่งเดิม นอกจากนี้เรายังนำเทคนิคนี้มาใช้เพื่อแกะมัดกล้ามเนื้อที่ บีบรัดกันมากๆ ให้กลับเข้าสู่ภาวะปกติ

โดยเราสามารถนำเทคนิคการนวดนี้มาช่วยรักษาอาการ ปวดเข่าบริเวณข้อพับขา เอ็นไขว้หน้าเข่าฉีกขาด และ หมอนรองข้อเข่าฉีกขาดได้ เนื่องจากเทคนิคการนวดแกะเส้นสามารถแก้เส้นเอ็นและมัดกล้ามเนื้อบริเวณเข่าให้คลายตัว กลับมามีความยืดหยุ่น และให้ข้อเข่าสามารถกลับมาเคลื่อนไหวได้ดังเดิม

การนวดสลายพังผืดและจุดปวดเกร็ง

การนวดในขั้นตอนนี้ ถือว่าเป็นขั้นตอนที่สำคัญที่สุด และ เป็นขั้นตอนที่จะทำให้ผู้ป่วยมีอาการดีขึ้นอย่างถาวร

การนวดในขั้นตอนนี้ เราจะใช้ไม้เล็กๆ กดคลึงเพื่อ

✅ สลายจุดปวดเกร็ง (Trigger points) ที่ฝังตัวอยู่ในมัดกล้ามเนื้อและเส้นเอ็นบริเวณเข่า ที่ทำให้เกิดการบีบรัดเส้นประสาทบริเวณใกล้เคียง ทำให้เส้นประสาทชุดนั้นๆ ทำงานได้ไม่เต็มที่ จึงทำให้เกิด อาการ ปวด ชา แสบร้อน ไฟช็อต ยิบๆ หรืออาการผิดปกติอื่นๆ

✅ สลาย พังผืด ที่เกาะอยู่ตามข้อต่อเข่า หรือหมอนรองกระดูกเข่า ซึ่งพังผืดที่เกาะอยู่นี้ คือสาเหตุที่ทำให้ข้อต่อและหมอนรองกระดูกเข่าเกิดการแข็งตัว ยึดล็อค และไม่ยืดหยุ่น และอาจผิดรูป จึงเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดอาการปวดเข่า เข่าฝืด เข่าติด มีเสียงดังในเข่า หรือ ข้อเข่าเสื่อมได้

ในขณะทำการรักษานั้น เราจะทำทั้ง 3 ขั้นตอนนี้ ควบคู่สลับกันไปในทุกๆ จุดที่มีปัญหา เพื่อแก้ปัญหาได้ครบทุกสาเหตุ และเพื่อผลการรักษาที่ดีขึ้นจนสามารถรู้สึกได้ถึงความแตกต่างจากการรักษาโดยทั่วๆ ไป

  • เมื่อพังผืดและจุดปวดเกร็งบริเวณเข่าสลายตัวออก กล้ามเนื้อ เส้นเอ็น ข้อต่อ หมอนรองกระดูก จะกลับมามีความยืดหยุ่น กล้ามเนื้อจะคลายตัว อย่างแท้จริง เส้นประสาทจะกลับมาทำงานได้ปกติอีกครั้ง เลือดลมจะหมุนเวียนได้คล่อง อาการปวด ชา แสบร้อน หรืออาการผิดปกติอื่นๆ ก็จะ หมดไปและไม่กลับมาเป็นซ้ำๆ อีกในอนาคต
  • ในภาวะของผู้ที่เป็น เข่าเสื่อม นั้น เมื่อพังผืดและจุดปวดเกร็งถูกสลายออกไป กล้ามเนื้อและเส้นเอ็นจะมีความยืดหยุ่น ไม่หดเกร็ง จึงไม่เกิดการดึงรั้งของกระดูกหรือเส้นเอ็นรอบๆ ข้อเข่า ทำให้ข้อเข่าค่อยๆ ฟื้นตัวและขยับเข้าสู่ตำแหน่งเดิมได้เอง ตามกลไกการซ่อมแซมของร่างกาย จึงไม่เกิดการเสียดสีกันระหว่างข้อกระดูก อาการปวดจึงหายไป

ขั้นตอนการนวดสลายพังผืดนี้ เป็นหัวใจสำคัญ ที่จะทำให้ผู้ป่วยมีอาการที่ดีขึ้นได้อย่างถาวร

การนวดสลายพังผืดและจุดปวดเกร็ง

การนวดในขั้นตอนนี้ ถือว่าเป็นขั้นตอนที่สำคัญที่สุด และ เป็นขั้นตอนที่จะทำให้ผู้ป่วยมีอาการดีขึ้นอย่างถาวร

การนวดในขั้นตอนนี้ เราจะใช้ไม้เล็กๆ กดคลึงเพื่อ

✅ สลายจุดปวดเกร็ง (Trigger points) ที่ฝังตัวอยู่ในมัดกล้ามเนื้อและเส้นเอ็นบริเวณเข่า ที่ทำให้เกิดการบีบรัดเส้นประสาทบริเวณใกล้เคียง ทำให้เส้นประสาทชุดนั้นๆ ทำงานได้ไม่เต็มที่ จึงทำให้เกิด อาการ ปวด ชา แสบร้อน ไฟช็อต ยิบๆ หรืออาการผิดปกติอื่นๆ

✅ สลาย พังผืด ที่เกาะอยู่ตามข้อต่อเข่า หรือหมอนรองกระดูกเข่า ซึ่งพังผืดที่เกาะอยู่นี้ คือสาเหตุที่ทำให้ข้อต่อและหมอนรองกระดูกเข่าเกิดการแข็งตัว ยึดล็อค และไม่ยืดหยุ่น และอาจผิดรูป จึงเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดอาการปวดเข่า เข่าฝืด เข่าติด มีเสียงดังในเข่า หรือ ข้อเข่าเสื่อมได้

ในขณะทำการรักษานั้น เราจะทำทั้ง 3 ขั้นตอนนี้ ควบคู่สลับกันไปในทุกๆ จุดที่มีปัญหา เพื่อแก้ปัญหาได้ครบทุกสาเหตุ และเพื่อผลการรักษาที่ดีขึ้นจนสามารถรู้สึกได้ถึงความแตกต่างจากการรักษาโดยทั่วๆ ไป

  • เมื่อพังผืดและจุดปวดเกร็งสลายตัวออก กล้ามเนื้อ เส้นเอ็น ข้อต่อ หมอนรองกระดูก จะกลับมามีความยืดหยุ่น กล้ามเนื้อจะคลายตัวอย่างแท้จริง เส้นประสาทจะกลับมาทำงานได้ปกติอีกครั้ง เลือดลมจะหมุนเวียนได้คล่อง อาการปวด ชา แสบร้อน หรืออาการผิดปกติอื่นๆ ก็จะหมดไป และไม่กลับมาเป็นซ้ำๆ อีกในอนาคต
  • ในภาวะของผู้ที่เป็น หมอนรองกระดูกเคลื่อนทับเส้นประสาท กระดูกทรุด กระดูกเสื่อม นั้น เมื่อพังผืดและจุดปวดเกร็งถูกสลายออกไป การยึดเกร็ง
    การตึงรั้งระหว่างหมอนรองกระดูกและกล้ามเนื้อบริเวณใกล้เคียงก็จะหายไปด้วย หมอนรองกระดูกที่เคยเคลื่อนออก หรือข้อกระดูกที่เคยทรุด จะค่อยๆ
    ฟื้นตัวและขยับเข้าสู่ตำแหน่งเดิมได้เองตามกลไกการซ่อมแซมของร่างกาย

ขั้นตอนการนวดสลายพังผืดนี้ เป็นหัวใจสำคัญ ที่จะทำให้ผู้ป่วยมีอาการที่ดีขึ้นได้อย่างถาวร

คำบอกเล่าส่วนหนึ่ง

ของผู้ป่วยที่เข้ารับการรักษาอาการบริเวณ เข่า

ผมเตะบอลแล้วเอ็นเข่าไขว้หน้าฉีก หาหมอมาหลายที่ หมดเงินไปเยอะมาก สุดท้ายหมอที่ รพ เอกชนแห่งนึงแนะนำให้ผ่า แต่ถ้าผ่าแล้วไม่การันตีว่าจะกลับมาเตะบอลได้ไหม ผมเลยไม่ผ่า เพราะผมชอบเตะบอลมาก กลัวกลับมาเตะไม่ได้อีก มาเจอหมอกร หมอกรบอกว่ารักษาได้ ผมเลยลองไปนวดดู นวดไป 3 ครั้ง ตอนนี้ไม่มีอาการปวด เสียวที่เข่าอีกเลยครับ กลับมาเตะบอลได้แล้วครับ มีความสุขมากครับ ขอบคุณหมอกรจริงๆ ถ้าไม่เจอหมอ ผมไม่รู้เลยว่าจะเป็นยังไง

แฟนไปรักษาที่คลินิกนี้ ต้องมีการนัดจองคิวล่วงหน้า ไปถึงจะมีการทำประวัติ ซักประวัติ และนวดรักษาค่ะ ตอนแรกแฟนพับเข่าไม่ได้ คุกเข่าไม่สุด หลังจากนวดเสร็จ พับเข่าได้สุดเป็นปกติเลยค่ะ อันนี้ต้องให้เครดิตคุณหมอค่ะ เพราะได้ผลลัพธ์ที่น่าพอใจมาก

คุณแม่มารักษาที่นี่ค่ะ เมื่อก่อนปวดเข่ามาก ต้องทานยาแก้ปวดตลอด จะนั่ง ยืน เดิน ทำอะไรก็ลำบากทุกอย่าง ปวดตลอด สงสารคุณแม่มากค่ะ จนมาเจอหมอกร นวดไป 3 ครั้งอาการดีขึ้นทุกๆ ครั้งเลยค่ะ ไม่ต้องทานยาแก้ปวดแล้ว จนตอนนี้นวดไป 7 ครั้ง คุณแม่สามารถใช้ชีวิตได้ปกติทุกอย่าง ร่างกายดีขึ้นต่างจากเมื่อก่อนมาก ต้องขอบคุณคุณหมอกรจากใจจริงค่ะ

ผมเป็นเข่าเสื่อมครับ หมอบอกต้องผ่าสถานเดียว นัดวันผ่าไว้แล้วด้วย แต่มีคนแนะนำให้มาหาหมอกรก่อนผมเลยรีบนัด นวดครั้งแรก หายปวดไปครึ่งนึงเลย จากที่ปวดจนเดินจะไม่ได้แล้ว กลายเป็นเดินได้เลย แต่ยังมีปวดอยู่บ้าง หมอกรบอกว่าต้องนวดอีก 3-4 ครั้ง พอนวดครั้งที่ 2 ดีขึ้นกว่าเดิมเยอะมาก

ผมเลยขอแคนเซิลนัดผ่าตัดกับหมอที่ รพ. ไปเลย สัปดาห์ที่แล้วไปนวดครั้งที่ 3 มา ตอนนี้เดินตัวปลิวมากครับ แต่ยังมีอาการขัดๆ เหลืออยู่นิดหน่อย อาจจะไปนวดอีกรอบ จะได้หายสนิท ดีใจมากครับ นี่ถ้าไม่มาเจอกับตัว ไม่เชื่อแน่นอนว่ามีหมอนวดฝีมือดีขนาดนี้อยู่จริงๆ

แม่เป็นหัวเข่าเสื่อมทั้ง 2 ข้าง ปวดมาก นั่งยองไม่ได้ คุกเข่าไม่ได้ มานวดกับหมอกร 5 ครั้ง ตอนนี้นั่งยองได้ คุกเข่า ลุก-นั่งได้เหมือนคนปกติเลย ไม่มีอาการปวดอีกเลยค่ะ หมอเก่งมากๆ ค่ะ

เจ็บแต่ได้ผลดี เอ็นหัวเข่าฉีกขาด นวดแล้วไม่ต้องไปผ่าตัด ดีจริงครับ คอนเฟิร์ม

พาคุณแม่มารักษาอาการปวดเข่าค่ะ ตั้งแต่คุณแม่เริ่มอายุมาก ก็เริ่มมีอาการปวดเข่ามาตลอดเลยค่ะ ไปวัดทำบุญ ก็นั่งนานไม่ได้ เพราะนั่งพับเพียบแล้วจะปวดเข่ามาก ไปหาแพทย์แผนปัจจุบันก็บอกว่าคุณแม่ เป็นเข่าเสื่อมค่ะ รักษามาหลายวิธีก็ไม่ดีขึ้น จนเพื่อนแนะนำว่าให้ลองมารักษากับหมอกร เราก็หาข้อมูลในอินเตอร์เน็ต ดูรีวิวต่างๆ ก็เลยตัดสินใจพาคุณแม่มาค่ะ

มาครั้งแรก คุณหมอก็เตือนก่อนเลย ว่าอาการหนักและเป็นมานานอาจจะยังไม่เห็นผลในครั้งแรก ต้องใช้เวลาในการรักษา หลังจากนวดครั้งแรก ก็เป็นไปตามที่คุณหมอบอกเลยค่ะ คุณแม่อาการไม่ดีขึ้นเลย จนมาครั้งที่ 3-4 เริ่มเห็นผล เริ่มนั่งได้นานขึ้น เดินได้นานขึ้น อาการปวดลดน้อยลง คุณแม่ก็เลยเริ่มมีกำลังใจ มารักษาต่อเนื่องค่ะ จากตอนแรกที่เริ่มจะท้อแล้ว แต่เราก็ให้กำลังใจคุณแม่ตลอด

จนตอนนี้มารักษาครั้งที่ 6 แล้วค่ะ อาการของคุณแม่แทบจะเป็นปกติ 100% สามารถใช้ชีวิตได้ปกติ จะนั่ง ยืน หรือเดิน ก็ไม่ปวดแล้ว ได้ไปวัด ปฎิบัติธรรมนั่งนานได้ตามใจ เราจะพาไปเที่ยวไหนคุณแม่ก็ไปได้หมด ไม่บ่นปวด บ่นเมื่อยแล้วค่ะ รู้สึกดีใจและขอบคุณแทนคุณแม่มากค่ะ คุณหมอเก่งจริงๆ ค่ะ

ผมเคยเตะฟุตบอลแล้วเอ็นไขว้หน้าขาด ก็รักษามาเรื่อยๆ จนอาการดีขึ้นระดับหนึ่ง แต่ก็ยังมีอาการแปล๊บๆ ที่เข่าเวลาวิ่ง ทำให้วิ่งไม่ได้ กระโดดก็ไม่ค่อยได้ ผมมาเจอเพจของคลินิก ผมดูรีวิวผู้ป่วยในเพจและศึกษามาสักพัก จึงตัดสินใจมารักษาครับ นวดไปครั้งแรกเจ็บมากครับ จริงๆ ก่อนมานวดเราก็พอรู้ว่าเจ็บ ก็เลยเตรียมใจมาพร้อมแล้วครับ ถามว่าเจ็บเท่าที่คิดไหม ก็เจ็บประมาณนั้น แต่ก็ทนได้ครับ เพราะมันเจ็บไม่นาน

หลังจากนวดไปครั้งแรก อาการดีขึ้นเยอะเลยครับ เข่าปวดน้อยลง อาการแปล๊บๆ ที่เข่าขณะลงน้ำหนักน้อยลง
เลยรู้สึกว่าเรามารักษาถูกทางแล้วครับ ก็เลยมารักษาต่อเนื่อง ครั้งที่ 2-3 อาการก็เริ่มดีขึ้นมาเรื่อยๆ จนครั้งที่ 4 อาการดีขึ้นอย่างชัดเจน จนแทบจะเป็นปกติ 100%

คุณหมอก็ให้ผมลองกลับไปวิ่ง กลับไปออกกำลังกายดู
เพื่อเช็คดูว่าเราหายเป็นปกติหรือยัง ผมก็กลับไปวิ่งตามคุณหมอบอก ก็ยังเหลืออาการปวดแปล๊บๆ เล็กน้อยขณะวิ่ง จึงกลับมานวดครั้งที่ 5 คราวนี้ พอกลับไป ผมวิ่งได้ปกติเลยครับ ขอบคุณคุณหมอมากๆ ครับ
รู้สึกว่าตัดสินใจถูกมากที่มารักษาที่นี่ โชคดีที่ยังไม่ผ่า เพราะตอนนี้สามารถกลับไปใช้ชีวิตได้เต็มที่อีกครั้ง
ยังไม่รู้เลยว่าถ้าผ่าไปแล้ว จะกลับมาทำอะไรได้แบบนี้หรือเปล่า

*** ผลการรักษาอาจแตกต่างกันในแต่ละบุคคล ***

ปวดเข่า ปวดต้นขาและหน้าแข้ง จากการเล่นกีฬา

ปวดเข่า พับเข่าได้ไม่สุด นั่งพับเพียบ/นั่งคุกเข่า ไม่ได้

ปวดเข่า งอขาไม่ได้

ปวดเข่าจากการวิ่ง เข่าบวม เอ็นเข่าอักเสบ เข่าไม่มีแรง

ปวดเข่า ขาบวม เดินกะเผลก ลงน้ำหนักเท้าไม่ได้

ปวดเข่า เสียวแปล๊บในเข่า เดินขึ้นบันได / นั่งคุกเข่า / นั่งยอง ไม่ได้

*** ผลการรักษาอาจแตกต่างกันในแต่ละบุคคล ***

หากคุณอยากลาขาดจากอาการที่เป็นอยู่ ไม่อยากให้มารบกวนชีวิต รบกวนการพักผ่อน หรือ รบกวนการทำงานของคุณอีกต่อไป

หากคุณอยากจบอาการนี้อย่างถาวรเพื่อไม่ให้เป็นภาระแก่คนรอบข้าง  เมื่อยามแก่ตัวลง

หากคุณอยากกลับไปทำงาน หรือออกกำลังกายได้เต็มที่อีกครั้ง

หยุดเสียเวลา ไปกับการลองผิดลองถูกในการรักษา หยุดเสียเงิน ไปกับการรักษาที่ไม่เห็นผล

รายละเอียดในการรักษา

ข้อมูลที่เกี่่ยวข้องกับการรักษา

ปกติแล้ว 90% ของผู้ป่วย จะเห็นผลตั้งแต่ครั้งแรก (ในเคสที่เป็นมาไม่นาน จะดีขึ้นเลยทันที แต่ในเคสที่เป็นเรื้อรังมา จะดีขึ้นเพียงระยะหนึ่งเท่านั้น แล้วจะยังเหลืออาการปวดอยู่ เนื่องจากยังแก้ได้ไม่หมด)

แต่จะมีผู้ป่วย 10% ที่ไม่เห็นผลจากการรักษาครั้งแรก เนื่องจากว่า ผู้ป่วยมีอาการสะสมมานาน โดยอาจจะรู้ตัวหรือไม่ก็ตาม แต่ส่วนใหญ่จะไปเห็นผลในครั้งที่ 2-3 แทนค่ะ

ในผู้ป่วยที่มีอาการมาไม่เกิน 3 เดือน จะรักษาหายเร็วมาก 1-2 ครั้ง แล้วจบเลย

แต่ถ้าผู้ป่วยมีอาการมานานกว่านั้น ผู้ป่วยอาจจะต้องรักษา แบบต่อเนื่องเดือนละ 1 ครั้ง ซึ่งโดยเฉลี่ยผู้ป่วยจะใช้ระยะเวลารักษา 3-8 ครั้ง (บางเคสหายเร็ว บางเคสหายช้ากว่านี้) สาเหตุที่ต้องรักษาหลายครั้ง เพราะเราต้องการให้อาการดีขึ้นอย่างถาวร และป้องกันการกลับมามีปัญหาทรุดหนักเมื่ออายุมากขึ้น

* ผู้ป่วยบางท่านมีอาการสะสมมานานตั้งแต่สมัยหนุ่มสาวแต่ “ไม่รู้ตัว” และเพิ่งมา “ออกอาการ” ได้ไม่นาน ถ้าเป็นลักษณะนี้ จะต้องรักษา “แบบต่อเนื่อง” นะคะ *

แต่ถ้าผู้ป่วยมีอาการเรื้อรังมานานกว่า 10 ปี เฉลี่ยแล้วจะใช้เวลารักษาประมาณ 10-15 ครั้ง (ผู้ป่วยจำเป็นต้องเข้าใจและยอมรับก่อนว่า อาการที่เป็นเรื้อรังนานเช่นนี้ จะไม่สามารถรักษาหายได้รวดเร็วอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นการรักษาแบบไหนก็ตาม ถ้าผู้ป่วยใจร้อนและอยากหายเร็วๆ เราไม่แนะนำให้มาค่ะ เพราะทางคลินิกอาจจะไม่สามารถรักษาให้หายเร็วตามความคาดหวังได้)

ที่นี่รักษาเดือนละ 1 ครั้ง ครั้งละ 30-90 นาที ขึ้นอยู่กับความหนัก-เบาของอาการค่ะ

✅ ไม่อยากใช้ยาไปตลอด ไม่อยากผ่าตัด

✅ ผู้ที่รักษามาแล้วหลายที่ แต่อาการยังไม่ดีขึ้น

✅ ผู้ที่ไม่อยากเสียเวลาลองผิดลองถูกกับการรักษาที่ไม่ได้ผล

✅ ผู้ที่อยากจบปัญหาตั้งแต่ตอนนี้ ไม่อยากให้อาการที่เป็นอยู่ลุกลามทรุดหนักในอนาคต

✅ ผู้ที่ต้องการมีร่างกายที่ดี เมื่ออายุมากขึ้น ไม่อยากเป็นภาระให้กับคนรอบข้าง

✅ ผู้ที่อยากมีกล้ามเนื้อที่แข็งแรงกว่าเดิม ไม่บาดเจ็บ/ไม่ปวดง่าย

✅ ผู้ที่ออกกำลังกายหนักเป็นประจำ และต้องการเคลียร์อาการบาดเจ็บต่างๆ ที่สะสมอยู่ในร่างกายออก เพื่อให้กล้ามเนื้อแข็งแรงมากขึ้น และป้องกันไม่ให้เกิดอาการบาดเจ็บหนักในอนาคต

ที่คลินิกเรารักษาด้วยการนวดค่ะ แต่จะไม่เหมือนกับการนวดทั่วๆ ไป เพราะการนวดทั่วไปนั้น เป็นการนวดแค่คลายกล้ามเนื้อชั้นตื้นๆ ไม่ได้ลงลึกไปแก้ที่สาเหตุ ไม่ใช่การรักษา ดังนั้นจึงไม่สามารถทำให้ผู้ป่วยดีขึ้นแบบถาวรได้

การนวดรักษาของทางคลินิกจะประกอบด้วย 3 ขั้นตอนดังต่อไปนี้ค่ะ:

1. การนวดแผนไทยประยุกต์

ในขั้นตอนนี้ จะนวดโดยการใช้ข้อศอก นวดลงเฉพาะจุดที่มีอาการ เพื่อทำให้กล้ามเนื้อชั้นบนและกล้ามเนื้อชั้นลึก (Deep tissue) คลายตัว จากการหดเกร็ง และการแข็งตึง

ปกติการนวดในขั้นตอนนี้ จะเป็นเพียงการเตรียมกล้ามเนื้อสำหรับการรักษาในขั้นถัดไป แต่ด้วยเทคนิคเฉพาะของทางคลินิก เราสามารถนำการนวดลักษณะนี้มาช่วยแก้อาการเมื่อยเรื้อรัง  ตึงเรื้อรัง รวมถึงช่วยแก้อาการกล้ามเนื้อสันหลังอักเสบ และ อาการกล้ามเนื้อสะโพกหนีบเส้นประสาท ได้อีกด้วย

2. การนวดแกะเส้น

ในขั้นตอนนี้ จะเป็นการใช้นิ้วมือ “ขยับ” มัดกล้ามเนื้อหรือเส้นเอ็นที่ “จม” ให้เคลื่อนกลับเข้าสู่ตำแหน่งเดิม และขยับมัดกล้ามเนื้อที่เกร็งตัวชิดกันจนบีบรัดเส้นประสาท ที่อยู่ด้านใน ให้คลายตัวออกจากกัน

การนวดในขั้นตอนนี้ จะช่วยเรื่องอาการจมได้ เช่น สะบักจม รวมถึง อาการชา อาการตะคริว เช่น มือชา แขนชา ตะคริวที่น่อง เป็นต้น และยังช่วยในเรื่องของอาการ “ตึงรั้ง” ต่างๆ เช่น ตึงจากคอขึ้นศรีษะ ตึงจากบ่าลงแขน เป็นต้น

3. การนวดสลายพังผืด

ในขั้นตอนนี้ เราจะใช้ไม้เล็กๆ นวด เพื่อสลาย:

 พังผืด (adhesion) ที่เกาะอยู่ในบริเวณ ข้อต่อ หรือ หมอนรองกระดูก ที่ทำให้ข้อต่อ หมอนรองกระดูกเกิดอาการแข็ง ยึด ไม่ยืดหยุ่น มีเสียงก๊อกแก็ก เวลาขยับข้อต่อนั้นๆ

✅ จุดปวดเกร็ง (Trigger points) ที่ฝังตัวอยู่ในมัดกล้ามเนื้อและเส้นเอ็น และที่บีบรัดจนเส้นประสาทไม่สามารถทำงานได้เต็มที่ ซึ่งจุดปวดเกร็งนี้เป็นสาเหตุหลักที่ทำให้เกิด อาการ ปวด ชา แสบร้อน ไฟช็อต ยิบๆ หรืออาการผิดปกติอื่นๆ

เมื่อพังผืดและจุดปวดเกร็งสลายตัวออก กล้ามเนื้อ เส้นเอ็น ข้อต่อ หมอนรองกระดูก จะกลับมา มีความยืดหยุ่น กล้ามเนื้อจะคลายตัวอย่างแท้จริง เส้นประสาทจะกลับมาทำงานได้ปกติอีกครั้ง เลือดลมจะหมุนเวียนได้คล่อง อาการปวด ชา แสบร้อน หรืออาการผิดปกติอื่นๆ ก็จะ “หมดไป” และ ไม่กลับมาเป็นซ้ำๆ อีกในอนาคต

ในภาวะของผู้ที่เป็น หมอนรองกระดูกเคลื่อนทับเส้นประสาท กระดูกทรุด หรือกระดูกเสื่อมนั้น เมื่อพังผืดและจุดปวดเกร็งถูกสลายออกไป การยึดเกร็ง การตึงรั้งระหว่างหมอนรองกระดูกและกล้ามเนื้อบริเวณใกล้เคียงก็จะหายไปด้วย หมอนรองกระดูกที่เคยเคลื่อนออก หรือข้อกระดูกที่เคยทรุด จะค่อยๆ ฟื้นตัวและ ขยับเข้าสู่ตำแหน่งเดิม ได้เอง ตามกลไกการซ่อมแซมของร่างกาย

ขั้นตอนการนวดสลายพังผืดนี้ เป็น หัวใจสำคัญ ที่จะทำให้ผู้ป่วยมีอาการที่ ดีขึ้นได้อย่างถาวร

การนวดสลายพังผืดที่ได้ผลนั้น จะต้องทำโดยผู้ที่มีความรู้ความชำนาญเท่านั้น ผู้ที่ไม่มีความรู้อย่างแท้จริง จะทำได้เพียง กดให้พังผืด “นิ่มลงเท่านั้น” ไม่ได้สลายออกไป ซึ่งเป็นการบรรเทาอาการเพียง “ชั่วคราว” เพราะตราบใดที่เรายังใช้ร่างกายทำอิริยาบถต่างๆ ในทุกๆ วัน พังผืดที่นิ่มตัวลงไปก็สามารถกลับมา “แข็งตัวเป็นก้อน” ใหม่ได้เสมอ ผู้ป่วยก็จะกลับมา “มีอาการซ้ำๆ” อีกในอนาคต

  • ขณะทำการรักษา ผู้ป่วยจะรู้สึกเจ็บค่อนข้างมากนะคะ ส่วนใหญ่จะเจ็บในขั้นตอนของการสลายพังผืดและสลาย trigger points ค่ะ ถ้าผู้ป่วยเคยผ่านการนวดแบบเจ็บๆ มาบ้าง จะไม่ค่อยมีปัญหาอะไร แต่ถ้าเป็นคนที่ทนเจ็บไม่ได้เลย เราไม่แนะนำให้มาค่ะ
  • ในผู้ป่วยบางเคส หลังทำการรักษา อาจจะมีรอยฟกช้ำ ถ้าบริเวณนั้นมีชั้นไขมันอยู่เยอะ เช่น ต้นแขน ต้นขา ก้น ใต้ข้อพับเข่า เป็นต้น รอยช้ำเหล่านี้ไม่มีอันตรายใดๆ และสามารถจางไปได้เองภายใน 2 สัปดาห์ค่ะ
  • ในผู้ป่วยที่มีอาการเรื้อรังสะสมมานาน ผู้ป่วยต้องใจเย็นและให้เวลากับทางคลินิกในการรักษา เพราะเราต้องรักษาไปทีละขั้นตอน เปรียบเสมือนการขุดขยะที่ฝังอยู่ใต้พรมให้ออกมา ยิ่งเป็นมานาน ยิ่งมีขยะซ่อนอยู่เยอะ ก็ยิ่งต้องใช้เวลามากขึ้นกว่าจะขุดออกมาจนหมด แต่เมื่อแก้ออกจนหมดแล้ว ผู้ป่วยจะได้ร่างกายใหม่ที่แข็งแรงขึ้นกว่าเดิม สามารถใช้ชีวิตได้อย่างเต็มที่ อยากทำอะไรก็ทำได้ ไม่เป็นภาระให้กับใครเมื่ออายุมากขึ้น
  • ผู้ป่วยที่มารักษาแล้วไม่เห็นผล ส่วนใหญ่คือผู้ป่วยที่มีอาการสะสมมานานหลายปี แต่ใจร้อนอยากหายไวๆ โดยมากเมื่อมารักษา 1-2 ครั้งแรก แล้วถ้าอาการไม่ดีขึ้นตามที่คาดหวัง ก็จะหยุดการรักษาไปกลางครัน

❌ ที่คลินิกไม่รับนวดรักษาผู้ป่วยที่มีน้ำหนักตัวเกิน 90 kg

❌ ที่คลินิกไม่รับนวดรักษาผู้ป่วยที่เป็นโรคกระดูกพรุน

❌ ที่คลินิกไม่รับนวดรักษาในผู้ป่วยที่กำลังตั้งครรภ์

❌ ที่คลินิกไม่รับนวดรักษาในผู้ป่วยที่ยังมีรอยฟกช้ำอยู่

❌ ผู้ป่วยที่มีโรคหัวใจ คลินิกจะไม่รับนวดบริเวณ คอบ่าไหล่ แต่อาการอื่นสามารถนวดได้

❌ ผู้ป่วยที่มีโรคความดันสูง จะต้องทานยาคุมความดันมาก่อนเข้ารับการรักษา

ค่ารักษาจะอยู่ที่ 2100/ครั้ง (รักษาเดือนละ 1 ครั้ง)

ทางคลินิกสามารถออก “ใบรับรองแพทย์” และ “ใบเสร็จ” สำหรับผู้ป่วยบางท่านที่อาจนำไปใช้เบิกได้

ถ้าเคยผ่าตัดมาแล้ว จะรักษายากกว่าเคสที่ยังไม่ผ่าตัดนะคะ ดังนั้นจะมีค่าใช้จ่ายเพิ่ม 500.- บาทค่ะ

สามารถจองคิวทางโทรศัพท์ ไลน์ หรือ Facebook page ได้ค่ะ
แต่เนื่องจากคลินิกของเรารับรักษาผู้ป่วยในแต่ละวันจำนวนค่อนข้าง “จำกัด” เพราะต้องการใช้เวลารักษาผู้ป่วยแต่ละท่านอย่าง “เต็มที่” และที่คลินิกคิวจะเต็มเกือบทุกวัน ดังนั้นหากผู้ป่วยต้องการจองคิวรักษา หลังจากนัดวัน-เวลาแล้ว จะต้องขออนุญาตให้ทำการ “โอนมัดจำ” เพื่อล็อคคิวที่แน่นอนไว้ เพื่อไม่ให้เป็นการตัดโอกาสแก่ผู้ป่วยท่านอื่นๆ ค่ะ

อย่าทน กับอาการที่เป็นอยู่ เพราะยิ่งปล่อยไว้นาน ยิ่งแก้ยาก สุขภาพจิตยิ่งเสียหนัก และยิ่งเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นอีกหลายเท่าในอนาคต

© Copyright 2020 - นวดแก้อาการ รักษา ปวดหลัง กระดูกทับเส้น ปวดคอ ออฟฟิศซินโดรม ปวดเข่า