อาการปวดคอ บ่า ไหล่ แขน ที่พบบ่อย สามารถแบ่งได้ดังนี้

1. คอตกหมอน

อาการคอตกหมอนเกิดจากการอยู่ในท่าทางผิดปกติระหว่างนอนหลับ เช่น คอพับ คอเอียง คอหัก หรือหันไปข้างใดข้างหนึ่ง เมื่ออยู่ในท่าทางเหล่านี้นานๆ โดยไม่รู้สึกตัว กล้ามเนื้อบริเวณต้นคอจึงหดเกร็ง จนกระทั่งเกิดการอักเสบอย่างเฉียบพลัน (acute muscle strain) ทำให้เกิดอาการ คอแข็ง ขยับคอไม่ได้ เวลาจะหันคอต้องใช้การบิด หรือหันทั้งลำตัวแทน

นอกจากอาการปวดตึงบริเวณหลังคอแล้ว ในบางท่านอาจคลำพบการแข็งของกล้ามเนื้อขึ้นเป็นลำ (muscle spasm) แบบชัดเจน หากอาการรุนแรงและไม่ได้รับการรักษา จะสามารถทำให้กล้ามเนื้อโดยรอบเกิดอาการบาดเจ็บตามเป็นวงกว้าง เนื่องจากร่างกายต้องพยายามใช้กล้ามเนื้อส่วนอื่นมาทำงานแทนกล้ามเนื้อที่บาดเจ็บอยู่ เพื่อให้สามารถทำกิจวัตรประจำวันต่อไปได้ กล้ามเนื้อที่ถูกนำมาใช้งานแทนจึงเกิดการบาดเจ็บขึ้นเนื่องจากต้องทำงานมากกว่าปกติและต้องทำในหน้าที่ที่ไม่เหมาะสมกับลักษณะของกล้ามเนื้อนั้นๆ ยกตัวอย่างเช่น หากผู้ป่วยมีอาการปวดเฉพาะบริเวณบ่ามาก่อน แต่ปล่อยทิ้งไว้โดยไม่รักษา นานวันเข้า อาจจะเริ่มมีอาการปวดบริเวณสะบักเพิ่มตามมา เป็นต้น
 
2. ออฟฟิศซินโดรม

ออฟฟิศซินโดรม หรือกลุ่มอาการปวดกล้ามเนื้อและเยื่อพังผืด (Myofascial pain syndrome) มักเกิดในคนวัยทำงาน โดยเฉพาะพนักงานออฟฟิศ ที่ต้องนั่งทำงานหน้าคอมพิวเตอร์เป็นเวลานาน หรือการใช้อิริยาบถในการทำงานที่ไม่ถูกต้อง เช่น การนั่งผิดท่า โต๊ะทำงานสูงไปหรือเตี้ยไป เป็นต้น จึงมีการใช้กล้ามเนื้อบางมัดอย่างไม่ถูกต้องตามสรีระ การนั่งทำงานนานเกินไปโดยไม่ขยับหรือปรับเปลี่ยนอิริยาบถ ซึ่งเป็นการใช้กล้ามเนื้อมัดเดิมซ้ำๆ เป็นระยะเวลานานอย่างต่อเนื่อง ทำให้กล้ามเนื้อเกิดการหดรัดและไม่คลายตัว จนเกิดการแข็งเกร็งของมัดกล้ามเนื้อ ทำให้เกิดอาการปวด คอ บ่า ไหล่ สะบัก ในบางคนอาจมีอาการปวดไมเกรนร่วมด้วย อาการออฟฟิศซินโดรมนี้หากไม่รักษาและปล่อยไว้ อาการปวดอาจจะขยายเป็นวงกว้างกว่าเดิม เช่น ปวดลามขึ้นบริเวณ หู กราม ขากรรไกร กระบอกตา ศรีษะ หรือลามลงแขน หน้าอก ทำให้มีอาการแน่นหน้าอก หายใจไม่สุด หายใจลำบาก โดยไม่ทราบสาเหตุ

ในเคสที่เป็นออฟิศซินโดรมเรื้อรังนานๆ อาการปวดสามารถพัฒนาไปเป็น ภาวะกระดูกคอทับเส้นประสาทได้ เนื่องจากกล้ามเนื้อบริเวณต้นคอนั้น มีการเกร็งตัวขั้นรุนแรงจนไปดึงรั้งให้กระดูกคอบริเวณนั้นๆ เคลื่อนผิดรูป และไปทับเส้นประสาทบริเวณใกล้เคียง ส่งผลให้เกิดอาการปวดร้าวลงแขน ปวดชาลงแขน แขนอ่อนแรง ในที่สุด
 
3. ไมเกรน

อาการปวดไมเกรน คือการปวดศีรษะข้างเดียว ข้างใดข้างหนึ่ง มักเป็นทีละข้าง และสามารถสลับข้างปวดได้ การปวดไมเกรนจะเป็นลักษณะปวดตุ้บๆ เป็นจังหวะ และมักมีอาการปวดบริเวณขมับ หน้าผาก กระบอกตา และหัวคิ้วร่วมด้วย โดยมากจะเกิดขึ้นเมื่อร่างกายโดนกระตุ้นจากสิ่งเร้าต่างๆ เช่น ความร้อน กลิ่นที่ไม่พึงประสงค์ แสง (จ้าไป หรือมืดไป) ฝุ่นละออง ความเครียด หรือ การใช้สายตาหนักๆ เป็นต้น

อาการไมเกรนนั้น มักพบคู่กับ อาการออฟฟิศซินโดรม ซึ่งก็คือ อาการปวดคอ บ่า ที่เกิดจากการทำงานในท่าเดิมนานๆ จนกล้ามเนื้อบริเวณดังกล่าวเกิดการเครียด หดเกร็ง แข็ง ไม่ยืดหยุ่น ในตำราโบราณนั้น อาการไมเกรน เกิดจากเส้นประสาทที่ควบคุมการทำงานแนว ท้ายกะโหลก ขมับ กระบอกตา ถูกบีบรัดจากกล้ามเนื้อที่ตึงเครียดมากๆ บริเวณฐานกะโหลก จนเส้นประสาทชุดนั้นไม่สามารถทำงานได้เต็มที่ ส่งผลให้เกิดอาการปวดตามแนวที่เส้นประสาทดังกล่าว
 
4. ปวดสะบัก สะบักจม

อาการสะบักจม เป็นอาการปวดกล้ามเนื้อบริเวณสะบัก พบได้บ่อยในผู้ป่วยที่มีอาการออฟฟิศซินโดรม (Office syndrome) คือมีการปวดกล้ามเนื้อบ่า และ ต้นคอ เนื่องจากเป็นกล้ามเนื้อมัดที่สัมพันธ์กัน สาเหตุของสะบักจมมักมาจาก การใช้งานกล้ามเนื้อสะบักต่อเนื่องเป็นระยะเวลานานๆ  การยกของหนัก การยกเวท หรือการออกกำลังกายผิดจังหวะ เป็นต้น หากปล่อยทิ้งไว้ โดยไม่ได้รับการรักษา กล้ามเนื้อที่เกิดการอักเสบ จะหดเกร็งตัวจนไปบีบเส้นประสาทที่ควบคุมการทำงานของแขน ให้ทำงานได้ไม่เต็มที่ ส่งผลให้ผู้ป่วยมีอาการปวดร้าวลงแขน ชาลงแขน แขนอ่อนแรง ชายิบๆ นิ้วชา เป็นต้น
 
5. ไหล่ติด

อาการไหล่ติด เกิดจากการอักเสบของเยื่อหุ้มไหล่ (Capsule) ซึ่งการอักเสบนั้นโดยมากจะเกิดจากการบาดเจ็บจากการเล่นกีฬา เช่น การตีกอล์ฟ การยกเวท เป็นต้น หรือ เกิดจากอาการออฟฟิศซินโดรมเรื้อรัง นอกจากนี้อาการไหล่ติดยังสามารถเกิดจากอุบัติเหตุ การโดนกระแทก บริเวณหัวไหล่และสะบักได้อีกด้วย

การอักเสบจากสาเหตุดังกล่าว ทำให้กล้ามเนื้อเกิดการหดตัว เกร็ง และทำให้เกิดพังผืดเข้ายึดเกาะ ทำให้เอ็นและเนื้อเยื่อบริเวณนั้นยืดหยุ่นได้น้อยลง และ ส่งผลให้การเคลื่อนไหวของข้อไหล่ถูกจำกัด เคลื่อนไหวลำบาก เช่น ไม่สามารถยกแขนได้สุด ไขว้หลังไม่ได้ สวมใส่เสื้อผ้าลำบาก เพราะจะรู้สึกเจ็บหรือปวดบริเวณหัวไหล่และต้นแขน
 
6. หมอนรองกระดูกคอทับเส้นประสาท และ กระดูกคอเสื่อม

อาการที่เกิดจากกระดูกคอนั้น ไม่ว่าจะเป็นหมอนรองกระดูกคอทับเส้นประสาท กระดูกคอเสื่อม หมอนรองกระดูกคอทรุด โดยมากจะเป็นอาการที่คล้ายคลึงกัน ก็คือ มีการปวดคอร้าวลงแขน ชาลงแขน แขนอ่อนแรง ปวดตึงบ่า ปวดสะบัก ปวดหัว ในผู้ป่วยบางคนอาจมีอาการ เวียนหัว มึนศรีษะ คลื่นไส้ อาเจียน แขนลีบ ขาอ่อนแรง เดินไม่ปกติ มีอาการไฟช็อตลงแขนหรือขา ชายิบๆ หรือแสบร้อนตามแขน เป็นต้น ผู้ป่วยที่มีปัญหาที่กระดูกคอ จะนอนลำบาก ต้องเปลี่ยนหมอนบ่อย รู้สึกเหมือนนอนผิดท่าตลอดเวลา และจะปวดหัว ปวดคอ ตอนตื่นนอน
 
สาเหตุที่ทำให้เกิดปัญหากระดูกคอนั้น เกิดจาก

1.อุบัติเหตุบริเวณข้อต่อกระดูกคอ เช่น การกระแทกอย่างรุนแรง การเหวี่ยงสะบัดของต้นคอ จากการโดนชนท้าย เป็นต้น

2.การแบกของหนักๆ ขึ้นบนบ่า การสะพายกระเป๋าหนักๆ กดทับบนบ่าบ่อยๆ

3.การทำงานในอิริยาบถที่ไม่เหมาะสมเป็นเวลานาน เช่น อยู่ในท่าก้มหรือแหงนมากเกินไป

4.การทำงานในท่าเดิมที่มีการเกร็งต้นคอนานๆ เช่น การนั่งหน้าคอมนานๆ การขับรถ เป็นต้น การยกของโดยใช้ท่าที่ต้องเกร็งต้นคอ เช่น การยกลัง ยกเข่ง

5.การออกกำลังกายที่ทำให้เกิดการบาดเจ็บบริเวณต้นคอ เช่น การยกเวทหนักๆ
 
สาเหตุที่กล่าวข้างต้น สามารถนำไปสู่ภาวะหมอนรองกระดูกคอทับเส้นประสาท กระดูกคอเสื่อม หรือ หมอนรองกระดูกคอทรุด ได้ ขึ้นอยู่กับความหนักเบาของอาการ และระยะเวลาที่เป็นมา โดยอาการเริ่มแรกนั้นจะเป็นเพียงการปวดเมื่อยต้นคอ หรือเมื่อยบ่า ธรรมดาๆ แต่เมื่อปล่อยไว้ อาการปวดเมื่อยจะเริ่มกลายเป็นอาการปวดหนักขึ้น เนื่องจากกล้ามเนื้อเกร็งตัวจนยึดรั้ง และในที่สุดก็ดึงให้หมอนรองกระดูกคอเคลื่อนทับเส้นประสาท หรือทรุดทับเส้นประสาท

ส่วนอาการกระดูกคอเสื่อมนั้น เกิดจากการเกร็งตัวของกล้ามเนื้อคอเช่นกัน แต่แตกต่างกันตรงที่ไม่ได้มีการดึงรั้งให้กระดูกเคลื่อนที่ออกมา สิ่งที่เกิดขึ้นคือ กล้ามเนื้อที่เกร็งตัวมากๆ นั้นจะมีพังผืดเกิดขึ้น และหนาตัวขึ้นเรื่อยๆ จนไปเกาะกระดูกต้นคอที่อยู่บริเวณใกล้เคียง ทำให้กระดูกข้อนั้นๆ เกิดอาการแข็ง ยึดล็อค ไม่ยืดหยุ่น ขยับลำบาก และเบียดเส้นประสาทที่อยู่บริเวณนั้น จึงทำให้เกิดอาการ ปวดร้าว หรือชา ไปตามแนวเส้นประสาทนั้นๆ

ทำไมการรักษาของเรา จึงช่วยคุณได้

การรักษาของเรา ไม่ใช่การรักษาที่มุ่งไปแค่ การจัดกระดูก หรือ การนวดผ่อนคลายกล้ามเนื้อ เพียงอย่างใดอย่างหนึ่งเท่านั้น แต่เราเน้นการรักษาที่ สามารถแก้ปัญหาได้อย่างครอบคลุมทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นปัญหาในชั้นกล้ามเนื้อ, หมอนรองกระดูก, ข้อต่อ,  พังผืด, เส้นลม, เส้นเอ็น รวมถึง เส้นประสาท ทั้งในบริเวณคอ บ่า สะบัก ไหล่ ศีรษะ แขน และมือ ซึ่งจะเป็นการแก้ไขอาการที่เกิดขึ้นได้อย่างตรงจุดที่สุด และทำให้เห็นผลได้อย่างชัดเจนและถาวร

การรักษาของเราประกอบไปด้วยขั้นตอนสำคัญ 3 ขั้นตอน ดังนี้

การนวดแผนไทยประยุกต์

เป็นการนวดโดยการใช้ข้อศอกนวดลงบริเวณที่มีการเกร็งตัวของกล้ามเนื้อ เพื่อทำให้กล้ามเนื้อชั้นบนและกล้ามเนื้อชั้นลึก (Deep tissue) คลายตัว จากอาการตึงเครียด และอาการหดเกร็ง ซึ่งเป็นสาเหตุของอาการ เมื่อย และ ตึง

เราสามารถนำเทคนิคการนวดนี้มาใช้เพื่อช่วยรักษาอาการ ตึงบ่า ตึงคอ เมื่อยคอ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

การนวดแผนไทยประยุกต์

เป็นการนวดโดยการใช้ข้อศอกนวดลงบริเวณที่มีการเกร็งตัวของกล้ามเนื้อ เพื่อทำให้กล้ามเนื้อชั้นบนและกล้ามเนื้อชั้นลึก (Deep tissue) คลายตัว จากอาการตึงเครียด และอาการหดเกร็ง ซึ่งเป็นสาเหตุของอาการ เมื่อย และ ตึง

เราสามารถนำเทคนิคการนวดนี้มาใช้เพื่อช่วยรักษาอาการ ตึงบ่า ตึงคอ เมื่อยคอ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

การนวดแกะเส้น

เป็นการใช้นิ้วมือขยับไปตามมัดกล้ามเนื้อที่เกร็งตัวจนเกิดการหดรัดของมัดกล้ามเนื้อ ให้คลายตัวและกลับเข้าสู่ตำแหน่งเดิม นอกจากนี้เรายังนำเทคนิคนี้มาใช้เพื่อแกะมัดกล้ามเนื้อที่บีบรัดกันมากๆ ให้กลับเข้าสู่ภาวะปกติ

การรักษาในขั้นตอนนี้ สามารถนำมาใช้เพื่อช่วยรักษาอาการดึงรั้งต่างๆ เช่น อาการปวดคอขึ้นหัว หรือสามารถนำมาใช้แกะกล้ามเนื้อที่อยู่ผิดตำแหน่ง เช่น อาการสะบักจม ได้

การนวดสลายพังผืดและจุดปวดเกร็ง

การนวดในขั้นตอนนี้ ถือว่าเป็นขั้นตอนที่สำคัญที่สุดและ เป็นขั้นตอนที่จะทำให้ผู้ป่วยมีอาการดีขึ้นอย่างถาวร การนวดในขั้นตอนนี้ เราจะใช้ไม้เล็กๆ กดคลึงเพื่อ

✅ สลายจุดปวดเกร็ง (Trigger points) ที่ฝังตัวอยู่ในมัดกล้ามเนื้อและเส้นเอ็น ที่ทำให้เกิดการบีบรัดเส้นประสาทบริเวณใกล้เคียง ทำให้เส้นประสาทชุดนั้นๆ ทำงานได้ไม่เต็มที่ จึงทำให้เกิด อาการ ปวด ชา แสบร้อน ไฟช็อต ยิบๆ หรืออาการผิดปกติอื่นๆ

✅ สลายพังผืด ที่เกาะอยู่ตามข้อต่อ หรือหมอนรองกระดูก พังผืดที่เกาะอยู่นี้ คือสาเหตุที่ทำให้ข้อต่อ และ หมอนรองกระดูกเกิดการแข็งตัว ยึดล็อค ไม่ยืดหยุ่น หรือผิดรูปจนเคลื่อนตัวไปทับเส้นประสาท จึงเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดอาการปวดคอ ร้าวลงแขน ชาลงแขน มือชา และเกิดอาการอ่อนแรงได้

ในขณะทำการรักษานั้น เราจะทำทั้ง 3 ขั้นตอนนี้ ควบคู่สลับกันไปในทุกๆ จุดที่มีปัญหา เพื่อแก้ปัญหาได้ครบทุกสาเหตุ และเพื่อผลการรักษาที่ดีขึ้นจนสามารถรู้สึกได้ถึงความแตกต่างจากการรักษาโดยทั่วๆ ไป

  • เมื่อพังผืดและจุดปวดเกร็งสลายตัวออก กล้ามเนื้อ เส้นเอ็น ข้อต่อ หมอนรองกระดูก จะกลับมามีความยืดหยุ่นอีกครั้ง กล้ามเนื้อจะคลายตัวอย่างแท้จริง เส้นประสาทจะกลับมาทำงานได้ปกติอีกครั้ง เลือดลมจะหมุนเวียนได้คล่อง อาการปวด ชา แสบร้อน หรืออาการผิดปกติอื่นๆ ก็จะหมดไปและไม่กลับมาเป็นซ้ำๆ อีกในอนาคต
  • ในภาวะของผู้ที่เป็น หมอนรองกระดูกคอทับเส้นประสาท หมอนรองกระดูกคอทรุด หรือ กระดูกคอเสื่อม นั้น เมื่อพังผืดและจุดปวดเกร็งถูกสลายออกไป การยึดเกร็ง การยึดรั้งระหว่างหมอนรองกระดูกและกล้ามเนื้อบริเวณใกล้เคียงก็จะหายไปด้วย หมอนรองกระดูกที่เคยเคลื่อนออก หรือข้อกระดูกที่เคยทรุด จะค่อยๆ ฟื้นตัวและขยับเข้าสู่ตำแหน่งเดิมได้เอง ตามกลไกการซ่อมแซมของร่างกาย

ขั้นตอนการนวดสลายพังผืดนี้เป็นหัวใจสำคัญที่จะทำให้ผู้ป่วยมีอาการที่ดีขึ้นได้อย่างถาวร

การนวดสลายพังผืดและจุดปวดเกร็ง

การนวดในขั้นตอนนี้ ถือว่าเป็นขั้นตอนที่สำคัญที่สุดและ เป็นขั้นตอนที่จะทำให้ผู้ป่วยมีอาการดีขึ้นอย่างถาวร การนวดในขั้นตอนนี้ เราจะใช้ไม้เล็กๆ กดคลึงเพื่อ

✅ สลายจุดปวดเกร็ง (Trigger points) ที่ฝังตัวอยู่ในมัดกล้ามเนื้อและเส้นเอ็น ที่ทำให้เกิดการบีบรัดเส้นประสาทบริเวณใกล้เคียง ทำให้เส้นประสาทชุดนั้นๆ ทำงานได้ไม่เต็มที่ จึงทำให้เกิด อาการ ปวด ชา แสบร้อน ไฟช็อต ยิบๆ หรืออาการผิดปกติอื่นๆ

✅ สลายพังผืด ที่เกาะอยู่ตามข้อต่อ หรือหมอนรองกระดูก พังผืดที่เกาะอยู่นี้ คือสาเหตุที่ทำให้ข้อต่อ และ หมอนรองกระดูกเกิดการแข็งตัว ยึดล็อค ไม่ยืดหยุ่น หรือผิดรูปจนเคลื่อนตัวไปทับเส้นประสาท จึงเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดอาการปวดคอ ร้าวลงแขน ชาลงแขน มือชา และเกิดอาการอ่อนแรงได้

ในขณะทำการรักษานั้น เราจะทำทั้ง 3 ขั้นตอนนี้ ควบคู่สลับกันไปในทุกๆ จุดที่มีปัญหา เพื่อแก้ปัญหาได้ครบทุกสาเหตุ และเพื่อผลการรักษาที่ดีขึ้นจนสามารถรู้สึกได้ถึงความแตกต่างจากการรักษาโดยทั่วๆ ไป

  • เมื่อพังผืดและจุดปวดเกร็งสลายตัวออก กล้ามเนื้อ เส้นเอ็น ข้อต่อ หมอนรองกระดูก จะกลับมามีความยืดหยุ่นอีกครั้ง กล้ามเนื้อจะคลายตัวอย่างแท้จริง เส้นประสาทจะกลับมาทำงานได้ปกติอีกครั้ง เลือดลมจะหมุนเวียนได้คล่อง อาการปวด ชา แสบร้อน หรืออาการผิดปกติอื่นๆ ก็จะหมดไปและไม่กลับมาเป็นซ้ำๆ อีกในอนาคต
  • ในภาวะของผู้ที่เป็น หมอนรองกระดูกคอทับเส้นประสาท หมอนรองกระดูกคอทรุด หรือ กระดูกคอเสื่อม นั้น เมื่อพังผืดและจุดปวดเกร็งถูกสลายออกไป การยึดเกร็ง การยึดรั้งระหว่างหมอนรองกระดูกและกล้ามเนื้อบริเวณใกล้เคียงก็จะหายไปด้วย หมอนรองกระดูกที่เคยเคลื่อนออก หรือข้อกระดูกที่เคยทรุด จะค่อยๆ ฟื้นตัวและขยับเข้าสู่ตำแหน่งเดิมได้เอง ตามกลไกการซ่อมแซมของร่างกาย

ขั้นตอนการนวดสลายพังผืดนี้เป็นหัวใจสำคัญที่จะทำให้ผู้ป่วยมีอาการที่ดีขึ้นได้อย่างถาวร

คำบอกเล่าส่วนหนึ่ง

ของผู้ป่วยที่เข้ารับการรักษาอาการบริเวณ คอ บ่า ไหล่ แขน

หมอเก่งมากค่ะ มีอาการปวดสะบักขวาแล้วปวดร้าวลงไปที่แขนมาเกือบ 2 เดือน นอนลำบากมาก ขับรถแทบไม่ได้ ไปนวดมาหลายที่มากๆ ไม่ดีขึ้นเลย ฉีดยาแก้ปวดไป ก็ดีขึ้นได้แค่ 1 วัน ทำ ultrasound shockwave ไปหลายครั้งก็ไม่หาย  เลยมารักษาที่นี่

หลังนวดครั้งแรก อาการดีขึ้นไปเลย 70% นอนหลับได้ตั้งแต่คืนแรก รักษาครั้งที่ 2 อาการแทบกลับมาเป็นปกติทุกอย่าง แนะนำเลยค่ะ ถ้าเรารู้จักที่นี่ตั้งแต่ทีแรก จะตรงมารักษาที่นี่เลย จะไม่ไปรักษาที่อื่น เพราะหายไวกว่า และไม่ต้องเสียเวลา เสียเงินยิบย่อย เสียงานเสียการค่ะ

ผมปวดไมเกรนมา 8 ปี ปวดขมับและกระบอกตาทุกวัน โดยเฉพาะเวลาอาการร้อน หรือ ตอนเครียดๆ ต้องกินยาตลอดเกือบทุกวัน หลังๆ เริ่มต้องเปลี่ยนยาแรงขึ้นเรื่อยๆ จนเริ่มไม่ค่อยอยากกินต่อเพราะกลัวไตพัง เลยมารักษาที่นี่

รักษาไปทั้งหมด 6 ครั้ง เริ่มหยุดกินยาไปตั้งแต่หลังนวดครั้งที่ 3 มันจะค่อยๆ ปวดถี่น้อยลง และความรุนแรงเวลาปวดก็จะค่อยๆ น้อยลง ทุกวันนี้ชีวิตสบายมากเลยครับ ไม่ปวดหัว ไม่ปวดขมับ ไม่ปวดกระบอกตาแล้ว ไม่ต้องกินยาแล้ว แนะนำเลยครับใครที่มีอาการเหมือนกับผม รับรองดีขึ้นครับ

คอนเฟิร์มเลยค่ะ หมอเก่งมาก พาคุณพ่อไปนวดไหล่ติดมา หลังนวดยกแขนได้เลยค่ะ คาดว่าไปซ้ำอีก 1-2 รอบคงหายเป็นปกติแล้วค่ะ แต่ต้องทนเจ็บหน่อยนะคะ คุณพ่อบอกตอนนวดเจ็บมาก

คุณหมอรักษาตรงจุดมาก ขอยืนยันอีกเสียง เราเป็นหมอนรองกระดูกคอทับเส้นประสาท ปวดคอมาก แขนชา แขนไม่มีแรง จับอะไรก็หล่น นวดไป 4 ครั้ง ตอนนี้อาการดีขึ้นเยอะมากค่ะ แนะนำเลย สำหรับใครที่อยากรักษาโดยไม่ต้องผ่าตัด ลองเข้ามาปรึกษาหมอกรก่อนได้ค่ะ เป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่ดีมากค่ะ

เมื่อ 1 เดือนก่อน ผมถูกรถชนท้าย ทำให้ได้รับแรงกระแทกจากด้านหลัง คอก็กระแทกไปด้วย หลังจากนั้นรู้สึกปวดต้นคอ แต่ก็คิดว่าไม่เป็นอะไรมาก จนผ่านไป 1 สัปดาห์ อาการเริ่มแย่ลง มีปวดต้นคอ บ่า ปวดชาลงแขน ก็คิดว่าน่าจะปวดเมื่อยธรรมดา แต่ไปนวดก็ไม่ดีขึ้น

ผมลองหาที่นวดดีๆ ในอินเตอร์เน็ต จนมาพบที่นี่ มีรีวิวการรักษามากมายและเป็นคลินิกด้วย ทำให้ค่อนข้างมั่นใจ เลยตัดสินใจมารักษาครับ

มาครั้งแรก เจ็บมากกก ทนแทบไม่ไหวเลยครับ หลังจากนวดไป อาการดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัดเลยครับ อาการชาลงแขนหายไปเลย อาการปวดลดลงเยอะมาก ก็เลยมารักษาต่อเนื่อง จนอาการดีขึ้นเกือบ 100% ตอนนี้ไม่ปวดคอแล้ว แนะนำเลยครับ ผู้ป่วยท่านอื่นๆ ที่อาจจะมีอาการเหมือนกัน ลองมารักษาดู เจ็บจริงแต่ก็หายจริงเช่นกันครับ

เป็น office syndrome ค่ะทำให้มีอาการปวดคอ บ่า ไหล่ ต้องไปนวดทุกสัปดาห์เลยค่ะ พอช่วยบรรเทาอาการปวดเมื่อยไปได้ จนช่วงหลังๆ เริ่มนวดถี่ขึ้น เป็นสัปดาห์ละ 2 ครั้ง ไม่ได้นวดแล้วจะปวดตัวมาก เดือนๆ หนึ่งเสียค่านวดไปเยอะมากค่ะ

เพื่อนที่ทำงานก็เลยแนะนำว่าให้ลองไปรักษาแบบจริงจังดีกว่า เขาก็แนะนำคลินิกนี้มาค่ะ เราก็เข้าไปดูในเพจ พอเราเห็นค่ารักษาก็รู้สึกว่าทำไมแพงจัง แต่ทางคลินิกแจ้งว่านวดเดือนละ 1 ครั้ง ก็เลยตัดสินใจมาลองดูค่ะ

นวดไปครั้งแรก ก็เจ็บนะคะ แต่เรานวดหนักๆ มาบ่อย แค่นี้ถือว่าไม่เจ็บเท่าไหร่ค่ะ แต่ทุกครั้งที่หมอกดลงไปรู้สึกว่ามันโดนจุดมากกว่าเวลาไปนวดตามร้านนวดทั่วไปมาก หลังนวด เบาตัวขึ้นเยอะมาก ดีไปครึ่งเดือนเลย และก็ค่อยๆ กลับมาปวด แต่ปวดน้อยลงกว่าก่อนมารักษานะ พอนวดไปครั้งที่ 2-3 อาการก็ดีขึ้นเรื่อยๆ จนตอนนี้ก็นวดไป 5 ครั้งแล้วค่ะ อาการดีขึ้นเยอะมาก เหมือนได้ร่างกายใหม่เลย นั่งทำงานทั้งวันได้สบายๆ เลย  แต่เราก็ยังมารักษานานๆ ครั้งนะคะ ประมาณ 3 เดือนมาครั้งนึง

เนื่องจากอิริยาบถเราในการนั่งทำงานทุกๆ วันมันไม่สามารถเปลี่ยนได้ ก็เลยเข้ามาแก้บ้างดีกว่า กลัวสะสมไปแล้วจะรักษายากเหมือนตอนแรก บางคนอาจจะคิดว่าค่ารักษาต่อครั้งแพงกว่าร้านนวดทั่วไป แต่อยากจะบอกว่าผลการรักษาแตกต่างกันอย่างมากเลยนะคะ เมื่อเทียบราคาต่อเดือน มานวดที่คลินิกนี้ประหยัดเงินค่านวดร้านนวดกว่ากันหลายเท่า คุ้มค่ามากเลยค่ะ

เป็นไมเกรนมา 1 ปีแล้วค่ะ ต้องทานยาตลอด บางครั้งปวดมากๆ จนทำอะไรไม่ได้เลย ต้องนอนพักอย่างเดียว จนมารักษาที่นี่ค่ะ

หลังนวดครั้งแรก อาการไมเกรนดีขึ้นทันทีหลังจากรักษาเลยค่ะ เราก็มารักษาต่อเนื่องทุกเดือนค่ะ จนตอนนี้อาการปวดไมเกรนเบาลง ความถี่ในแต่ละเดือนก็น้อยลงค่ะ บางเดือนแทบจะไม่มีอาการไมเกรนเลย รู้สึกคุ้มมากเลยค่ะ เงินแค่หลักพัน แต่แลกกับการที่เราไม่ต้องทนทรมานจากอาการปวดแล้ว ถือว่าเป็นอะไรที่ดีมากเลยค่ะ ที่มาเจอที่นี่ ใครมีอาการเหมือนกัน รีบไปหาหมอกรเถอะค่ะ อย่าคิดเยอะ ทนเจ็บหน่อย หายแน่นอน

มีอาการคอตกหมอนมาได้ 1 สัปดาห์ แล้วครับ อาการเป็นจากนอน ตื่นมาก็ปวดคอ หันหน้าไม่ได้ ตึงคอแข็งไปหมดเลยครับ พอดีคุณแม่รักษากับคลินิกนี้อยู่ ผมก็เลยรีบจองคิวรักษาเลยครับ หลังจากนวดไปครั้งแรก อาการแทบจะเป็นปกติ 100% เลยครับ เห็นผลตั้งแต่หลังนวด ว่าสามารถหันคอได้เลยทันที หมอเก่งมากครับ

*** ผลการรักษาอาจแตกต่างกันในแต่ละบุคคล ***

อาการ กระดูกคอทับเส้นประสาท ปวดคอ แขนชา มือชา

อาการกระดูกคอเสื่อม ปวดสะบัก ชาแขน ชามือ

อาการ กระดูกคอเสื่อม ปวดต้นคอ บวดบ่า เรื้อรัง

อาการ ออฟฟิศซินโดรม ปวดคอ บ่า ไหล่

*** ผลการรักษาอาจแตกต่างกันในแต่ละบุคคล ***

กระดูกคอเสื่อม แขนชา มือชา แขนอ่อนแรง

กระดูกคอเสื่อม กระดูกคอทับเส้นประสาท ปวดคอ แขนชา

กระดูกคอทับเส้นประสาท หันคอไม่ได้ เวียนหัว คลื่นไส้

ปวดสะบักร้าวลงแขน แขนชา ปลายนิ้วมือชา

หมอนรองกระดูกคอทับเส้นประสาท ปวดคอ ปวดแขน

ไหล่ติด ระยะเริ่มต้น

กระดูกคอทับเส้นประสาท แขนลีบ แขนขาอ่อนแรง เดินไม่ได้

ตึงคอ ปวดคอ หันคอได้ไม่สุด

*** ผลการรักษาอาจแตกต่างกันในแต่ละบุคคล ***

หากคุณอยากลาขาดจากอาการที่เป็นอยู่ ไม่อยากให้มารบกวนชีวิต รบกวนการพักผ่อน หรือ รบกวนการทำงานของคุณอีกต่อไป

หากคุณอยากจบอาการนี้อย่างถาวรเพื่อไม่ให้เป็นภาระแก่คนรอบข้าง  เมื่อยามแก่ตัวลง

หากคุณอยากกลับไปทำงาน หรือออกกำลังกายได้เต็มที่อีกครั้ง

หยุดเสียเวลา ไปกับการลองผิดลองถูกในการรักษา หยุดเสียเงิน ไปกับการรักษาที่ไม่เห็นผล

รายละเอียดในการรักษา

ข้อมูลที่เกี่่ยวข้องกับการรักษา

ปกติแล้ว 90% ของผู้ป่วย จะเห็นผลตั้งแต่ครั้งแรก (ในเคสที่เป็นมาไม่นาน จะดีขึ้นเลยทันที แต่ในเคสที่เป็นเรื้อรังมา จะดีขึ้นเพียงระยะหนึ่งเท่านั้น แล้วจะยังเหลืออาการปวดอยู่ เนื่องจากยังแก้ได้ไม่หมด)

แต่จะมีผู้ป่วย 10% ที่ไม่เห็นผลจากการรักษาครั้งแรก เนื่องจากว่า ผู้ป่วยมีอาการสะสมมานาน โดยอาจจะรู้ตัวหรือไม่ก็ตาม แต่ส่วนใหญ่จะไปเห็นผลในครั้งที่ 2-3 แทนค่ะ

ในผู้ป่วยที่มีอาการมาไม่เกิน 3 เดือน จะรักษาหายเร็วมาก 1-2 ครั้ง แล้วจบเลย

แต่ถ้าผู้ป่วยมีอาการมานานกว่านั้น ผู้ป่วยอาจจะต้องรักษา แบบต่อเนื่องเดือนละ 1 ครั้ง ซึ่งโดยเฉลี่ยผู้ป่วยจะใช้ระยะเวลารักษา 3-8 ครั้ง (บางเคสหายเร็ว บางเคสหายช้ากว่านี้) สาเหตุที่ต้องรักษาหลายครั้ง เพราะเราต้องการให้อาการดีขึ้นอย่างถาวร และป้องกันการกลับมามีปัญหาทรุดหนักเมื่ออายุมากขึ้น

* ผู้ป่วยบางท่านมีอาการสะสมมานานตั้งแต่สมัยหนุ่มสาวแต่ “ไม่รู้ตัว” และเพิ่งมา “ออกอาการ” ได้ไม่นาน ถ้าเป็นลักษณะนี้ จะต้องรักษา “แบบต่อเนื่อง” นะคะ *

แต่ถ้าผู้ป่วยมีอาการเรื้อรังมานานกว่า 10 ปี เฉลี่ยแล้วจะใช้เวลารักษาประมาณ 10-15 ครั้ง (ผู้ป่วยจำเป็นต้องเข้าใจและยอมรับก่อนว่า อาการที่เป็นเรื้อรังนานเช่นนี้ จะไม่สามารถรักษาหายได้รวดเร็วอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นการรักษาแบบไหนก็ตาม ถ้าผู้ป่วยใจร้อนและอยากหายเร็วๆ เราไม่แนะนำให้มาค่ะ เพราะทางคลินิกอาจจะไม่สามารถรักษาให้หายเร็วตามความคาดหวังได้)

ที่นี่รักษาเดือนละ 1 ครั้ง ครั้งละ 30-90 นาที ขึ้นอยู่กับความหนัก-เบาของอาการค่ะ

✅ ไม่อยากใช้ยาไปตลอด ไม่อยากผ่าตัด

✅ ผู้ที่รักษามาแล้วหลายที่ แต่อาการยังไม่ดีขึ้น

✅ ผู้ที่ไม่อยากเสียเวลาลองผิดลองถูกกับการรักษาที่ไม่ได้ผล

✅ ผู้ที่อยากจบปัญหาตั้งแต่ตอนนี้ ไม่อยากให้อาการที่เป็นอยู่ลุกลามทรุดหนักในอนาคต

✅ ผู้ที่ต้องการมีร่างกายที่ดี เมื่ออายุมากขึ้น ไม่อยากเป็นภาระให้กับคนรอบข้าง

✅ ผู้ที่อยากมีกล้ามเนื้อที่แข็งแรงกว่าเดิม ไม่บาดเจ็บ/ไม่ปวดง่าย

✅ ผู้ที่ออกกำลังกายหนักเป็นประจำ และต้องการเคลียร์อาการบาดเจ็บต่างๆ ที่สะสมอยู่ในร่างกายออก เพื่อให้กล้ามเนื้อแข็งแรงมากขึ้น และป้องกันไม่ให้เกิดอาการบาดเจ็บหนักในอนาคต

ที่คลินิกเรารักษาด้วยการนวดค่ะ แต่จะไม่เหมือนกับการนวดทั่วๆ ไป เพราะการนวดทั่วไปนั้น เป็นการนวดแค่คลายกล้ามเนื้อชั้นตื้นๆ ไม่ได้ลงลึกไปแก้ที่สาเหตุ ไม่ใช่การรักษา ดังนั้นจึงไม่สามารถทำให้ผู้ป่วยดีขึ้นแบบถาวรได้

การนวดรักษาของทางคลินิกจะประกอบด้วย 3 ขั้นตอนดังต่อไปนี้ค่ะ:

1. การนวดแผนไทยประยุกต์

ในขั้นตอนนี้ จะนวดโดยการใช้ข้อศอก นวดลงเฉพาะจุดที่มีอาการ เพื่อทำให้กล้ามเนื้อชั้นบนและกล้ามเนื้อชั้นลึก (Deep tissue) คลายตัว จากการหดเกร็ง และการแข็งตึง

ปกติการนวดในขั้นตอนนี้ จะเป็นเพียงการเตรียมกล้ามเนื้อสำหรับการรักษาในขั้นถัดไป แต่ด้วยเทคนิคเฉพาะของทางคลินิก เราสามารถนำการนวดลักษณะนี้มาช่วยแก้อาการเมื่อยเรื้อรัง  ตึงเรื้อรัง รวมถึงช่วยแก้อาการกล้ามเนื้อสันหลังอักเสบ และ อาการกล้ามเนื้อสะโพกหนีบเส้นประสาท ได้อีกด้วย

2. การนวดแกะเส้น

ในขั้นตอนนี้ จะเป็นการใช้นิ้วมือ “ขยับ” มัดกล้ามเนื้อหรือเส้นเอ็นที่ “จม” ให้เคลื่อนกลับเข้าสู่ตำแหน่งเดิม และขยับมัดกล้ามเนื้อที่เกร็งตัวชิดกันจนบีบรัดเส้นประสาท ที่อยู่ด้านใน ให้คลายตัวออกจากกัน

การนวดในขั้นตอนนี้ จะช่วยเรื่องอาการจมได้ เช่น สะบักจม รวมถึง อาการชา อาการตะคริว เช่น มือชา แขนชา ตะคริวที่น่อง เป็นต้น และยังช่วยในเรื่องของอาการ “ตึงรั้ง” ต่างๆ เช่น ตึงจากคอขึ้นศรีษะ ตึงจากบ่าลงแขน เป็นต้น

3. การนวดสลายพังผืด

ในขั้นตอนนี้ เราจะใช้ไม้เล็กๆ นวด เพื่อสลาย:

 พังผืด (adhesion) ที่เกาะอยู่ในบริเวณ ข้อต่อ หรือ หมอนรองกระดูก ที่ทำให้ข้อต่อ หมอนรองกระดูกเกิดอาการแข็ง ยึด ไม่ยืดหยุ่น มีเสียงก๊อกแก็ก เวลาขยับข้อต่อนั้นๆ

✅ จุดปวดเกร็ง (Trigger points) ที่ฝังตัวอยู่ในมัดกล้ามเนื้อและเส้นเอ็น และที่บีบรัดจนเส้นประสาทไม่สามารถทำงานได้เต็มที่ ซึ่งจุดปวดเกร็งนี้เป็นสาเหตุหลักที่ทำให้เกิด อาการ ปวด ชา แสบร้อน ไฟช็อต ยิบๆ หรืออาการผิดปกติอื่นๆ

เมื่อพังผืดและจุดปวดเกร็งสลายตัวออก กล้ามเนื้อ เส้นเอ็น ข้อต่อ หมอนรองกระดูก จะกลับมา มีความยืดหยุ่น กล้ามเนื้อจะคลายตัวอย่างแท้จริง เส้นประสาทจะกลับมาทำงานได้ปกติอีกครั้ง เลือดลมจะหมุนเวียนได้คล่อง อาการปวด ชา แสบร้อน หรืออาการผิดปกติอื่นๆ ก็จะ “หมดไป” และ ไม่กลับมาเป็นซ้ำๆ อีกในอนาคต

ในภาวะของผู้ที่เป็น หมอนรองกระดูกเคลื่อนทับเส้นประสาท กระดูกทรุด หรือกระดูกเสื่อมนั้น เมื่อพังผืดและจุดปวดเกร็งถูกสลายออกไป การยึดเกร็ง การตึงรั้งระหว่างหมอนรองกระดูกและกล้ามเนื้อบริเวณใกล้เคียงก็จะหายไปด้วย หมอนรองกระดูกที่เคยเคลื่อนออก หรือข้อกระดูกที่เคยทรุด จะค่อยๆ ฟื้นตัวและ ขยับเข้าสู่ตำแหน่งเดิม ได้เอง ตามกลไกการซ่อมแซมของร่างกาย

ขั้นตอนการนวดสลายพังผืดนี้ เป็น หัวใจสำคัญ ที่จะทำให้ผู้ป่วยมีอาการที่ ดีขึ้นได้อย่างถาวร

การนวดสลายพังผืดที่ได้ผลนั้น จะต้องทำโดยผู้ที่มีความรู้ความชำนาญเท่านั้น ผู้ที่ไม่มีความรู้อย่างแท้จริง จะทำได้เพียง กดให้พังผืด “นิ่มลงเท่านั้น” ไม่ได้สลายออกไป ซึ่งเป็นการบรรเทาอาการเพียง “ชั่วคราว” เพราะตราบใดที่เรายังใช้ร่างกายทำอิริยาบถต่างๆ ในทุกๆ วัน พังผืดที่นิ่มตัวลงไปก็สามารถกลับมา “แข็งตัวเป็นก้อน” ใหม่ได้เสมอ ผู้ป่วยก็จะกลับมา “มีอาการซ้ำๆ” อีกในอนาคต

  • ขณะทำการรักษา ผู้ป่วยจะรู้สึกเจ็บค่อนข้างมากนะคะ ส่วนใหญ่จะเจ็บในขั้นตอนของการสลายพังผืดและสลาย trigger points ค่ะ ถ้าผู้ป่วยเคยผ่านการนวดแบบเจ็บๆ มาบ้าง จะไม่ค่อยมีปัญหาอะไร แต่ถ้าเป็นคนที่ทนเจ็บไม่ได้เลย เราไม่แนะนำให้มาค่ะ
  • ในผู้ป่วยบางเคส หลังทำการรักษา อาจจะมีรอยฟกช้ำ ถ้าบริเวณนั้นมีชั้นไขมันอยู่เยอะ เช่น ต้นแขน ต้นขา ก้น ใต้ข้อพับเข่า เป็นต้น รอยช้ำเหล่านี้ไม่มีอันตรายใดๆ และสามารถจางไปได้เองภายใน 2 สัปดาห์ค่ะ
  • ในผู้ป่วยที่มีอาการเรื้อรังสะสมมานาน ผู้ป่วยต้องใจเย็นและให้เวลากับทางคลินิกในการรักษา เพราะเราต้องรักษาไปทีละขั้นตอน เปรียบเสมือนการขุดขยะที่ฝังอยู่ใต้พรมให้ออกมา ยิ่งเป็นมานาน ยิ่งมีขยะซ่อนอยู่เยอะ ก็ยิ่งต้องใช้เวลามากขึ้นกว่าจะขุดออกมาจนหมด แต่เมื่อแก้ออกจนหมดแล้ว ผู้ป่วยจะได้ร่างกายใหม่ที่แข็งแรงขึ้นกว่าเดิม สามารถใช้ชีวิตได้อย่างเต็มที่ อยากทำอะไรก็ทำได้ ไม่เป็นภาระให้กับใครเมื่ออายุมากขึ้น
  • ผู้ป่วยที่มารักษาแล้วไม่เห็นผล ส่วนใหญ่คือผู้ป่วยที่มีอาการสะสมมานานหลายปี แต่ใจร้อนอยากหายไวๆ โดยมากเมื่อมารักษา 1-2 ครั้งแรก แล้วถ้าอาการไม่ดีขึ้นตามที่คาดหวัง ก็จะหยุดการรักษาไปกลางครัน

❌ ที่คลินิกไม่รับนวดรักษาผู้ป่วยที่มีน้ำหนักตัวเกิน 90 kg

❌ ที่คลินิกไม่รับนวดรักษาผู้ป่วยที่เป็นโรคกระดูกพรุน

❌ ที่คลินิกไม่รับนวดรักษาในผู้ป่วยที่กำลังตั้งครรภ์

❌ ที่คลินิกไม่รับนวดรักษาในผู้ป่วยที่ยังมีรอยฟกช้ำอยู่

❌ ผู้ป่วยที่มีโรคหัวใจ คลินิกจะไม่รับนวดบริเวณ คอบ่าไหล่ แต่อาการอื่นสามารถนวดได้

❌ ผู้ป่วยที่มีโรคความดันสูง จะต้องทานยาคุมความดันมาก่อนเข้ารับการรักษา

ค่ารักษาจะอยู่ที่ 2100/ครั้ง (รักษาเดือนละ 1 ครั้ง)

ทางคลินิกสามารถออก “ใบรับรองแพทย์” และ “ใบเสร็จ” สำหรับผู้ป่วยบางท่านที่อาจนำไปใช้เบิกได้

ถ้าเคยผ่าตัดมาแล้ว จะรักษายากกว่าเคสที่ยังไม่ผ่าตัดนะคะ ดังนั้นจะมีค่าใช้จ่ายเพิ่ม 500.- บาทค่ะ

สามารถจองคิวทางโทรศัพท์ ไลน์ หรือ Facebook page ได้ค่ะ
แต่เนื่องจากคลินิกของเรารับรักษาผู้ป่วยในแต่ละวันจำนวนค่อนข้าง “จำกัด” เพราะต้องการใช้เวลารักษาผู้ป่วยแต่ละท่านอย่าง “เต็มที่” และที่คลินิกคิวจะเต็มเกือบทุกวัน ดังนั้นหากผู้ป่วยต้องการจองคิวรักษา หลังจากนัดวัน-เวลาแล้ว จะต้องขออนุญาตให้ทำการ “โอนมัดจำ” เพื่อล็อคคิวที่แน่นอนไว้ เพื่อไม่ให้เป็นการตัดโอกาสแก่ผู้ป่วยท่านอื่นๆ ค่ะ

อย่าทน กับอาการที่เป็นอยู่ เพราะยิ่งปล่อยไว้นาน ยิ่งแก้ยาก สุขภาพจิตยิ่งเสียหนัก และยิ่งเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นอีกหลายเท่าในอนาคต

© Copyright 2020 - นวดแก้อาการ รักษา ปวดหลัง กระดูกทับเส้น ปวดคอ ออฟฟิศซินโดรม ปวดเข่า